Sale 3%

ฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ชนิด 9 สายพันธุ์ 3 เข็ม สำหรับผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไป ฟรี! ตรวจ EKG + ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง + ตรวจร่างกายด้วยเครื่อง EIS ที่ Bangkok Anti-Aging Center

Original price was: 18,500.00 ฿.Current price is: 17,999.00 ฿.

วัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีอยู่ในวัคซีนที่เลือกฉีด ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคได้ แต่ไม่ได้ป้องกันการเกิดโรค 100% หลังฉีดจึงยังควรตรวจภายใน และดูแลสุขอนามัยทางเพศตามปกติ

Description

รายละเอียดราคา ฉีดวัคซีน HPV

ราคานี้ครอบคลุมค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง?

  • ค่าฉีดวัคซีน HPV ป้องกันมะเร็งปากมดลูก ชนิด 9 สายพันธุ์ 3 เข็ม สำหรับผู้ที่อายุ 15 ปีขึ้นไป
  • ค่าแพทย์
  • ฟรี! ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG
  • ฟรี! ตรวจความสมบูรณ์ของเม็ดเลือดแดง Live Blood Analysis
  • ฟรี! ตรวจร่างกายด้วยเครื่อง EIS 8 รายการ มีรายการตรวจดังนี้
    1. ตรวจสแกนระบบหัวใจและหลอดเลือด ด้วยเครื่อง EIS
    2. ตรวจสแกนระบบต่อมไร้ท่อ ด้วยเครื่อง EIS
    3. ตรวจสแกนระบบขับถ่ายและระบบสืบพันธุ์ ด้วยเครื่อง EIS
    4. ตรวจสแกนระบบสั่งการของประสาทและกล้ามเนื้อ ด้วยเครื่อง EIS
    5. ตรวจสแกนระบบทางเดินหายใจ ด้วยเครื่อง EIS
    6. ตรวจสแกนระบบการย่อยอาหาร ด้วยเครื่อง EIS
    7. ตรวจสแกนระบบประสาทและสมอง ด้วยเครื่อง EIS
    8. ตรวจสแกนระบบการเผาผลาญอาหาร ด้วยเครื่อง EIS

ข้อควรรู้เกี่ยวกับแพ็กเกจ ฉีดวัคซีน HPV

  • ระยะเวลารับบริการประมาณ 30 นาที ขึ้นอยู่กับความหนาแน่นของผู้เข้ารับบริการ
  • ควรนัดหมายล่วงหน้าก่อนเข้ารับบริการ

การเตรียมตัวก่อนรับบริการ

  • ผู้ที่มีอาการป่วย ติดเชื้อ มีประจำเดือน หรือตั้งครรภ์ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อน

การดูแลหลังรับบริการ

  • ควรนั่งพักหลังรับวัคซีนประมาณ 15 นาที เพื่อป้องกันอาการหน้ามืด เป็นลม และคอยสังเกตอาการ หากมีความผิดปกติใดๆ เช่น เป็นผื่น แน่นหน้าอก ต้องรีบแจ้งแพทย์ทันที
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก หรือออกกำลังกายหนัก ประมาณ 1-2 วัน

ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ

  • วัคซีนจะช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่มีอยู่ในวัคซีนที่เลือกฉีด ช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคได้ แต่ไม่ได้ป้องกันการเกิดโรค 100% หลังฉีดจึงยังควรตรวจภายใน และดูแลสุขอนามัยทางเพศตามปกติ
  • หากตรวจพบการติดเชื้อ HPV แล้ว ยังสามารถฉีดวัคซีนได้ แต่วัคซีนนั้นจะป้องกันเฉพาะเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ยังไม่ติดเท่านั้น และวัคซีนไม่สามารถรักษาหรือทำลายเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ติดไปแล้วแล้วได้
  • ช่วงอายุที่สามารถฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV อยู่ระหว่าง 9-45 ปี แต่แนะนำให้ฉีดก่อนอายุ 26 ปี หรือยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์มาก่อน
  • เนื่องจากตัวยามีความเข้มข้น ขณะฉีดยาเข้ากล้ามเนื้อและเดินยาจึงทำให้ปวดได้

ข้อห้ามสำหรับการฉีดวัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก

  • ผู้ที่ภาวะภูมิไวเกิน (Hypersensitivity) ต่อสารประกอบในวัคซีน
  • ผู้ที่มีอาการป่วย ติดเชื้อ ควรเลื่อนการฉีดวัคซีนไปก่อนจนกว่าจะหาย
  • ผู้ที่กำลังตั้งครรภ์

ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้น

  • อาการบวมหรือแดงบริเวณที่ฉีดวัคซีน
  • มีไข้ ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อ่อนเพลีย
  • ปวดกล้ามเนื้อ
  • อาการหน้ามืด เป็นลม

ข้อมูลทั่วไปเกี่ยวกับการฉีดวัคซีน HPV

เชื้อไวรัสเอชพีวี (Human Papilloma Virus: HPV) เป็นเชื้อไวรัสชนิดหนึ่ง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของการเกิดโรคมะเร็งปากมดลูก โดยประมาณ 99.7% ของผู้หญิงที่ป่วยเป็นโรคมะเร็งปากมดลูก มีสาเหตุมาจากการติดเชื้อ HPV นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของโรคบริเวณอวัยวะเพศและทวารหนักอื่นๆ อีกด้วย เช่น โรคหูดหงอนไก่ มะเร็งทวารหนัก มะเร็งอวัยวะเพศ เป็นต้น

เชื้อ HPV มีมากกว่า 100 สายพันธุ์ สามารถติดต่อได้ทางเพศสัมพันธ์ ไม่ว่าจะเป็นการมีเพศสัมพันธ์ทางช่องคลอด ทวารหนัก หรือปาก รวมถึงการสัมผัสเชื้อทางบาดแผลตามร่างกาย และการแพร่เชื้อจากแม่สู่ลูกในขณะคลอด

แม้ว่า 90% ของผู้ติดเชื้อไวรัส HPV จะสามารถหายเองได้ภายใน 2 ปี แต่ก็มีผู้ป่วยบางรายที่ติดเชื้อนานกว่านั้นและเกิดเป็นมะเร็งในที่สุด

ไม่ใช่เพียงผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถติดเชื้อ HPV ผู้ชายก็สามารถติดได้เช่นกัน และทำให้เกิดโรคร้ายแรงตามมา คือ

  • สำหรับผู้หญิง เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งที่ช่องคลอด ปากช่องคลอด ทวารหนัก มะเร็งบริเวณปาก และลำคอ หูดหงอนไก่ ทั้งยังเชื่อมโยงกับการเกิดโรคหัวใจด้วย
  • สำหรับผู้ชาย เป็นสาเหตุทำให้เกิดมะเร็งที่อวัยวะเพศ ทวารหนัก มะเร็งบริเวณปาก และลำคอ หูดหงอนไก่

ปัจจุบันพบว่า มีเชื้อเอชพีวีอย่างน้อย 15 สายพันธุ์ ที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งได้ โดยสายพันธุ์ที่ถือว่า มีความเสี่ยงสูงในการก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกคือ สายพันธุ์ 16 และ 18

วัคซีน HPV มีกี่ชนิด แตกต่างกันอย่างไร

  • วัคซีน 2 สายพันธุ์ (Cervarix) ป้องกันเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 16 และ 18 ที่ทำให้เกิดมะเร็งปากมดลูก โดยสามารถป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70%
  • วัคซีน 4 สายพันธุ์ (Gardasil) ป้องกันทั้งเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 16, 18 และสายพันธุ์ 6, 11 ที่เป็นสาเหตุของโรคหูดหงอนไก่ ป้องกันการเกิดมะเร็งปากมดลูกได้ประมาณ 70% และป้องกันหูดหงอนไก่ได้ประมาณ 90%
  • วัคซีน 9 สายพันธุ์ (Gardasil 9) ป้องกันเชื้อไวรัส HPV สายพันธุ์ 6, 11, 16, 18 เหมือนชนิด 4 สายพันธุ์ และอีก 5 สายพันธุ์ ได้แก่ 31, 33, 45, 52 และ 58 ซึ่งเป็นไวรัส HPV สายพันธุ์ที่ก่อให้เกิดมะเร็งได้เช่นกัน วัคซีน 9 สายพันธุ์จึงลดโอกาสการเกิดมะเร็งได้ถึง 90% ขณะที่ประสิทธิภาพการป้องกันการเกิดหูดหงอนไก่เท่ากับชนิด 4 สายพันธุ์

 

วัคซีน HPV, ฉีดวัคซีน HPV, วัคซีนมะเร็งปากมดลูก, วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก
ตารางเปรียบเทียบ วัคซีนป้องกันมะเร็งปากมดลูก HPV สายพันธุ์ต่างๆ

 

แพ็กเกจนี้เป็นวัคซีน HPV ชนิด 9 สายพันธุ์

กำหนดฉีดวัคซีน
อายุ 9-14 ปี ฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อแบบ 2 เข็ม

  1. ฉีดเข็มแรกทันที
  2. ฉีดเข็มที่ 2 นับจากเข็มแรก 6-12 เดือน

อายุ 15 ปีขึ้นไป ฉีดวัคซีนเข้ากล้ามเนื้อ 3 เข็ม

  1. ฉีดเข็มแรกทันที
  2. ฉีดเข็มที่ 2 นับจากเข็มแรก 2 เดือน
  3. ฉีดเข็มที่ 3 นับจากเข็มแรก 6 เดือน

จำเป็นต้องตรวจร่างกายก่อนฉีดวัคซีน HPV หรือไม่?
ไม่จำเป็นต้องตรวจร่างกาย ตรวจภายใน หรือตรวจหาเชื้อ HPV ก่อนฉีดวัคซีน แต่หากต้องการตรวจเพื่อจะได้ทราบว่ามีการติดเชื้ออยู่แล้วหรือไม่ ก็สามารถทำได้ แต่การตรวจในปัจจุบันบอกได้เพียงว่าติดเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงหรือไม่ ยังไม่ได้บ่งชี้ว่าติดเชื้อ HPV สายพันธุ์ใด

หลังจากฉีดวัคซีนยังจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกหรือไม่?
หลังจากฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อ HPV ยังจำเป็นต้องตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกอยู่ เนื่องจากวัคซีนครอบคลุมการป้องกันเชื้อ HPV แค่บางสายพันธุ์เท่านั้น โอกาสที่จะติดเชื้อสายพันธุ์อื่นที่ก่อให้เกิดมะเร็งยังมีอยู่

หากตรวจพบการติดเชื้อ HPV ยังสามารถฉีดวัคซีนป้องกันได้หรือไม่?
หากตรวจพบการติดเชื้อ HPV แล้ว ยังสามารถฉีดวัคซีนได้ แต่วัคซีนนั้นจะป้องกันเฉพาะเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ยังไม่ติดเท่านั้น และวัคซีนไม่สามารถรักษาหรือทำลายเชื้อ HPV สายพันธุ์ที่ตรวจพบแล้วได้